Konica Minolta เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง Konica และ Minolta ในปี ค.ศ. 2003 ซึ่งได้ทำการผลิตทั้งกล้องและอุปกรณ์ทางด้านภาพออกสู่ตลาดในหลายประเภท ผลิตภัณฑ์ แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 KonicaMinolta ได้ประกาศการปิดกิจการลงรวมทั้งยุติการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งหมด (รวมทั้งฟิล์มและกระดาษอัดภาพด้วย) และได้ทำการส่งมอบเทคโนโลยีทางด้านภาพถ่ายทั้งหมดที่มีให้กับ Sony ที่เข้ามาซื้อกิจการ ซึ่ง Sony ก็ได้ทำการพัฒนากล้อง DSLR ต่อมาในชื่อตระกูลเดิมคือ Alpha
Konica คืออีกหนึ่งในหลายๆ บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่เก่าแก่และมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ที่น่าประหลาดใจก็คือ จุดเริ่มต้นของตำนานนี้เป็นบริษัทขายยาเล็กๆ ที่ชื่อว่า Konishi-ya Rokubei Ten ซึ่งมีเจ้าของคือ ซูกิอูระ โรกุเอมอน ที่ 5 ในเวลาต่อมาที่ลูกชายของเขาคือ ซูกิอูระ โรกุซาบุโร่ ได้เติบโตขึ้นและเข้ามาร่วมบริหารงาน ก็ได้ทำการขยายกิจการไปจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพโดยเริ่ม ต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1873 เป็นต้นมา
ในปี ค.ศ. 1879 บริษัทได้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Honten Konishi Rokuemon และเริ่มต้นพัฒนากล้องถ่ายภาพของตัวเองขึ้นโดยช่างฝีมือที่ชื่อว่า ฮาเซกาว่า โทชิโนสุเกะ และ โทโจ คาเมจิโร่ ซึ่งกล้องตัวแรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตก็คือกล้อง Cherry ในปี ค.ศ. 1903 ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพสัญชาติญี่ปุ่นตัวแรกที่มีชื่อยี่ห้อเป็นของตัวเอง
ต่อมาในปี ค.ศ. 1921 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น G.K. Konishiroku Honten ซึ่งพยางค์ roku (โรกุ) นั้นได้อ้างอิงถึงชื่อ ซูกิอูระ โรกุเอม่อน ที่ 6 (หมายถึงลูกชายเจ้าของบริษัทยาที่ชื่อ ซูกิอูระ โรกุซาบุโร่ ซึ่งเป็นทายาทลำดับที่ 6 ในตระกูล) ซึ่งคำว่าโรกุ (六) นั้นจะแปลว่า “6″ ด้วยเช่นกัน ซึ่งโลโก้ของบริษัทก็ได้ออกแบบโดยใช้ตัวอักษรโรกุนี้อยู่ภายในดอกเชอรี่ ซึ่งเกิดจากการเล่นคำนั่นเอง
บริษัทฯ ได้ทำการก่อตั้งวิทยาลัยเพื่อทำการเรียนการสอนเรื่องเกี่ยวกับการถ่ายภาพใน ชื่อ Konishi college ขึ้นที่เมืองโตเกียวในปี ค.ศ. 1923 และผลิตกล้อง Pearlette ในปี ค.ศ. 1925 ซึ่งกล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่ดำเนินการผลิตออกจำหน่ายแบบเป็นจำนวนมากตัวแรก ของญี่ปุ่นด้วย
หลังจากนั้นอีกหกปี บริษัทก็ได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่ง นั่นก็คือม้วนฟิล์มถ่ายภาพที่ใช้ชื่อว่า “Sakura” ในปี ค.ศ. 1929 ซึ่งเป็นฟิล์มถ่ายภาพชนิดม้วนยี่ห้อที่สองที่มีการผลิตขึ้นจำหน่ายในประเทศ ญี่ปุ่น และในปีถัดมานั้นเอง ก็ได้ปล่อยเลนส์ถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่นออกมาเป็นตัวแรกโดยใช้ชื่อว่า Hexar ซึ่งก็มีความหมายว่า “6″ เช่นกัน
บริษัททำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งในปี ค.ศ. 1936 มาเป็น K.K. Konishiroku ก่อนที่จะยุติการขายในปี ค.ศ. 1943 แล้วปรุบปรุงองค์กรมาเป็น Konishiroku Shashin Kogyo K.K. และเปลี่ยนเป็น Konishiroku Photo Industry Co., Ltd. อย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
Konica ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกล้องและการถ่ายภาพมากมาย ซึ่งรวมไปถึงเลนส์และอุปกรณ์เสริมหลากหลายชนิดด้วย กล้องถ่ายภาพและเลนส์กว่าสองร้อยรุ่นถูกนำออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง มีตั้งแต่กล้อง Rangefinder, Folding Camera, ฯลฯ แน่นอนว่าต้องมี SLR ด้วยเช่นกัน โดยเริ่มจาก SLR ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า Konica F Konica Bayonet Mount I) ในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 1960
ในส่วนของกล้องดิจิตอลนั้น Konica เริ่มตั้งแต่ปี 2002 แต่เพียงอีกปีเดียวต่อมาก็ควบiวมกิจการเข้ากับ Minolta
ชื่อ “Konica” ในยุคเริ่มต้นนั้น ก็มีที่มาจากอักษรตัวแรกแล้วเติม CA ซึ่งหมายถึง CAmera ลงไปต่อท้าย เช่นเดียวกับที่กล้องยี่ห้ออื่นๆ (Lieca, Yachica ฯลฯ) ทำกันจนเป็นธรรมเนียมนั่นเอง